วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

7 เคล็ดลับ เพื่อปกป้องรหัสผ่านให้พ้นมือโจร

                   

1. ควรมีตัวอกษรอย่างน้อย 8 ตัว ประกอบด้วย อักษรตัวใหญ่ และอักษรตัวเล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกันจะยิ่งปลอดภัย
2. หลีกเลี่ยง การใช้ วัน เดือน ปีเกิด ชื่อตัวเอง (ชื่อแฟน เพื่อนสนิท พ่อแม่พี่น้อง) หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรามาใช้ เพราะเดาได้ง่ายเกินไป
3. ใช้รหัสผ่านแยกกัน หากเป็นคนละบัญชีผู้ใช้งาน โดยเฉพาะรหัสผ่านที่ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญ อาจใช้วิธีตั้งรหัสผ่านเป็นพวกเดียวกัน แต่เปลี่ยนตัวเลขที่ตามหลังเพื่อแยกความแตกต่าง
4. จำไว้ให้แม่น อย่าเลือก "จัดเก็บรหัสผ่านอัตโนมัติ" (Remember Password) หากต้องใช้เครื่องร่วมกับผู้อื่น กรณีนี้เจอปัญหามาแล้ว
5. อย่าบอกหรือส่งรหัสผ่านให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะวาจา อีเมลล์ หรือ SMS ระลึกไว้ว่าเป็นรหัสลับของคุณเท่านั้น
6. ห้ามจดรหัสผ่านลงบนกระดาษ หรือสมุดโน้ตใดๆ ถ้าจำเป็นควรเก็บเอกสารไว้ในที่ปลอดภัย
7. เปลี่ยนรหัสผ่านทุก ๆ 3 เดือน เพื่อลดโอกาสที่ใครจะมาถอดรหัสของคุณ


                 


ที่มาของข้อมูล
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิ์ภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา. 7 เคล็ดลับ
            เพื่อปกป้องรหัสผ่านให้พ้นมือโจร. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :      
             http://www.otep.go.th/index.php/component/content/article/60-computer/751-7-.html
            อ้างเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2566.


 

ความแตกต่างระหว่าง "GPS" และ "GPRS"


               ในปัจจุบันคำว่า "GPS" และ "GPRS" ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคของการสื่อสารที่ก้าวหน้า แต่ก็มีหลายครั้งที่มักจะเกิดการเข้าใจผิดหรือสับสนระหว่างคำสองคำนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการใช้งานได้ ดังนั้นเราควรทำความรู้จักกับ "GPS" และ "GPRS" ก่อนว่าคืออะไร

GPS
                      

                 GPS มาจากคำว่า Global Positioning System หมายถึง ระบบที่ใช้ระบุพิกัดของตำแหน่งบนพื้นโลก มีลักษณะการทำงานโดยการรับสัญญาณจากดาวเทียมแต่ละดวง โดยประกอบไปด้วยข้อมูลที่ระบุตำแหน่งและเวลาขณะส่งสัญญาณ ตัวเครื่องรับสัญญาณ GPS จะประมวลผลความแตกต่างระหว่างเวลาในการรับสัญญาณเทียบกับเวลาจริง ณ ปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนเป็นระยะทางระหว่างเครื่องรับสัญญาณกับดาวเทียมแต่ละดวง และเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่งด้วยดาวเทียม ต้องมีดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง เพื่อบอกตำแหน่งบนผิวโลก

การประยุกต์ใช้งาน GPS
· การกำหนดพิกัดของสถานที่ต่าง ๆ การทำแผนที่ งานสำรวจ
· ใช้ในการนำทางสำหรับการเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
· การนำไปใช้ประโยชน์ทางทหาร
· การสันทนาการ เช่น การตีกอล์ฟ ตกปลา หรือเส้นทางการวิ่ง

GPRS
                         
              GPRS มาจากคำว่า General Packet Radio Service หมายถึง การส่งข้อมูลต่างๆในรูปแบบแพ็กเก็ตต่าง ๆ ที่ถูกแบ่งเป็นส่วนเล็กๆ ซึ่งมีความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลโครงข่ายได้ดีกว่าแบบเดิม และยังช่วยเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลสูงขึ้นอีกด้วย เทคโนโลยี GPRS นี้สร้างขึ้นมา เพื่อช่วยให้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ง่ายและสะดวกขึ้น เป็นระบบสื่อสารแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ หรือ PDA หรือ note book เพื่อเชื่อมต่อกับ internet แปลง่ายๆ ว่า เป็นระบบที่ทำให้โทรศัพท์มือถือ ต่ออินเทอร์เน็ตได้นั่นเอง

สรุปง่ายๆ ก็คือ
        GPS เป็นเทคโนโลยีเพื่อทำการหาตำแหน่งของอุปกรณ์ว่าอยู่ที่ไหน
        GPRS -> เป็นเทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สายในอุปกรณ์ mobile เพื่อเล่น internet wap 

       
                               
ที่มาของข้อมูล
อัมพิกา ใจก่อง. ความแตกต่างระหว่าง "GPS" และ "GPRS". [ออนไลน์].
             เข้าถึงได้จาก : http://www.kmlanna.com/index.php?       
             name=knowledge&file=readknowledge&id=60. อ้างเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556.



อินเทอร์เน็ตเริ่มต้นอย่างไร ...

                   
- ปี ค.ศ.1969 (พ.ศ.2512)

- จาก โครงการ ARPANET : Advanced Research Projects Agency Network ซึ่งเป็นเครือข่ายทดลองตั้งขึ้นเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ปฏิบัติการวิจัยของทหาร ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา(Department of Defense หรือ DOD) กับศูนย์ปฏิบัติการวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆ
- ผลการศึกษาทดลองพบว่า ...
- คอมพิวเตอร์จะสามารถติดต่อผ่านเครือข่ายกันได้โดยใช้ Internet protocal (IP)
- ด้วยรูปแบบการเชื่อมต่อแบบกระจาย (Decentralized) แต่ละเครือข่ายสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง  แม้บางส่วนของเครือข่ายจะถูกตัดขาดลง แต่การติดต่อสื่อสารก็ยังคงถูกส่งอยู่ในเครือข่ายส่วนที่เหลือ
- ซึ่งต่อมา นักวิจัยได้พัฒนาวิธีการเชื่อมต่อเป็นโปรโตคอลแบบ TCP/IP (Transmission Control Protocol/ Internet Protocol)
- ทำให้คอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันสามารถสื่อสารกันได้  ทำให้อินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


                 

 
ระบบ ARPANET ประสบความสำเร็จอย่างมาก ...
จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก
        มหาวิทยาลัย
                วิทยาลัย
                         หน่วยงานของรัฐ  
                                 และหน่วยงานของเอกชนต่างๆ
          - สหรัฐอเมริกา 
                    - ทวีปอเมริกา
                             - ทวีปออสเตรเลีย
                                            - ทวีปเอเชีย
                           

ที่มาของข้อมูล  
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์.  อินเทอร์เน็ตเริ่มต้นอย่างไร.   [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : 
           http://home.kku.ac.th/hslib/412141/412141_2548/c6s1internet.htm.  อ้างเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม                    2556. 





วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จิตวิทยาเกี่ยวกับสีบนเว็บไซต์

                                 

            สีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบเว็บไซต์ การเลือกสีให้เข้ากับเนื้อหาของเว็บไซต์ จะทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และยังส่งผลอย่างมากกับความสวยงามของเว็บไซต์  ความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่มีต่อสีต่างๆ

สีฟ้า
        ให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศักดิ์ศรี สูงศักดิ์ เป็นระเบียบถ่อมตน  สามารถลดความตื่นเต้น และช่วยทำให้มีสมาธิ แต่ถ้ามีสีน้ำเงินเข้มเกินไป ก็จะทำให้รู้สึกซึมเศร้าได้

สีเขียว
     เป็นสีในวรรณะเย็น จะสร้างความรู้สึกเย็นสบาย ใช้เป็นสีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ให้ความรู้สึก สงบ เงียบ ร่มรื่น ร่มเย็น การพักผ่อน การผ่อนคลาย ธรรมชาติ ความปลอดภัย ปกติ ความสุข ความสุขุม เยือกเย็น 

สีเหลือง
       เป็นสีแห่งความเบิกบาน เร้าอารมณ์ และเรียกร้องความสนใจ ให้ความรู้สึกแจ่มใส ความสดใส ความร่าเริง ความเบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อำนาจบารมี
ให้ลองสังเกตดูว่า วันที่ท้องฟ้ามืดครื้มปราศจากแสงแดด เราจะรู้สึกหงอยเหงา หดหู่ แต่พอมีแสงแดด ท้องฟ้าสว่าง มีสีเหลือง เราจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น

สีแดง
        เป็นสีที่สร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นสมอง สีแดงปานกลางแสดงถึงความมีสุขภาพดี ความมีชีวิต ความรัก ความสำคัญ ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง
สีแดงจัดมีความหมายแฝงด้านกามารมณ์ นอกจากนี้สีแดงยังสร้างความรู้สึกรุนแรง ให้ความรู้สึกร้อน กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น เร้าใจ มีพลัง มันจะใช้กันกรณีที่เกี่ยวกับความตื่นเต้น หรืออันตราย

สีม่วง
        ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำนาจ มีพลังแฝงอยู่ ความรัก ความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์
เป็นสีที่ปลอบโยน และช่วยลดความเครียด แต่เดิมสีม่วงได้มาจากสัตว์มีกระดอง,เปลือก ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อว่า Purpura จึงได้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Purple

สีส้ม
          ให้ความรู้สึก ร้อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึกคะนอง การปลดปล่อย ความเปรี้ยว การระวัง
เป็นสีที่เร้าความรู้สึก ปรกติควรใช้แต่น้อยเมื่อเทียบกับสีอื่น สังเกตว่าคนที่อยู่ในห้องสีส้มจะอยู่ได้ไม่นาน

สีน้ำตาล
      ให้ความรู้สึกอบอุ่น ได้พักผ่อน แต่ควรใช้ร่วมกับสีส้ม เหลือง หรือสีทอง เพราะถ้าใช้สีน้ำตาลเพียงสีเดียว อาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ได้

สีเทา
      ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความสงบ ความเงียบ สุภาพ สุขุม ถ่อมตน สีนี้มีข้อดีคือทำให้เย็น แต่สร้างความสร้างความรู้สึกหม่นหมองได้ ควรใช้ร่วมกับสีที่มีชีวิต โทนสว่างอย่างน้อยหนึ่งสี

สีขาว
      ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิดเผย การเกิด ความรัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความศรัทธา ความดีงาม
ให้ความรู้สึกรื่นเริง โดยเฉพาะเมื่อใช้กับสีแดง เหลือง และส้ม
ที่มาของข้อมูล
hellomyweb.  จิตวิทยาเกี่ยวกับสี.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : 
http://www.hellomyweb.com/index.php/main/content/110.  อ้างเมื่อวันที่  1 สิงหาคม 2556

ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่ดี

                            

            สำหรับคนที่เริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์ในครั้งแรกไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี บทความนี้จะแนะนำวิธีการในการออกแบบเว็บไซต์ที่เว็บทั่วไปควรมี ดังรูปที่เห็นด้านบนเป็นโครงสร้างของเว็บไซต์โดยจะมีส่วนหลักๆอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 ส่วนดังนี้

Containing block
      โดยปรกติเราจะเขียน <div> หรือ <table> ต่อจาก <body> เพื่อเอาไว้เก็บเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์ก่อน เพื่อเอาไว้เป็นกล่องในการเก็บเนื้อหาทั้งหมด โดยกล่องของเราจะมีข้อดีอยู่ตรงที่ สามารถทำให้ปรับเปลี่ยนขนาดในการแสดงผลของเนื้อหาได้ หรือตำแหน่งการแสดงผลของเว็บไซต์ได้เช่น จัดกลาง ชิดซ้าย หรือชิดขวา หากนึกภาพไม่ออก ลองเขียนเว็บไซต์โดยเริ่มที่ใส่ตัวหนังสือลงไปก่อน จากนั้นหากต้องการจัดตัวหนังสือเหล่านั้นจะทำได้ยากมาก ดังนั้นทุกครั้งที่ออกแบบเว็บไซต์อย่างลืมที่จะสร้าง containing block เอาไว้ใส่เนื้อหาทั้งหมดก่อน เพื่อความสะดวกของเราเอง

Logo
     เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของเรา ทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานจดจำเราได้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้การออกแบบเว็บไซต์นั้นจำเป็นต้องมีโลโก้ ของเว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง ส่วนตำแหน่งที่ควรจะวางโลโก้ไว้คือตำแหน่งที่เป็นสีม่วงทั้งหมดนั่นเอง จะสังเกตได้ว่าจะเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้งานจำได้ และสะดุดตา เรื่องที่ต้องเตือนให้รู้กันก็คือ โลโก้ของเว็บไซต์เมื่อคลิกจะนำไปสู่หน้าแรกของเว็บไซต์เสมอ

Navigation
       เป็นส่วนที่จะนำผู้เข้าชมเว็บไซต์ไปยังส่วนต่างของเว็บไซต์ โดยสามารถทำให้อยู่ในแนวนอน หรือแนวตั้งก็ได้ หากสังเกต hellomyweb.com เราจะทำทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยแนวนอนจะนำไปสู่เนื้อหาหน้าอื่นของเว็บไซต์ ส่วนแนวตั้งจะนำไปสู่เนื้อหาย่อยในหน้านั้น ตำแหน่งที่ควรจะวาง navagation เอาไว้คือสีเขียวทั้งหมด ถ้าสังเกตดูจะพบว่าการวางตำแหน่งต้องพยายามให้อยู่ในส่วนด้านบนของเว็บไซต์ หรือจะพูดอีกอย่างคือส่วนที่เมื่อผู้ใช้เปิดมาก็ต้องเจอได้ทันที ไม่ควรวางไว้ในตำแหน่งที่ผู้ใช้จะต้องเลื่อนขึ้นลง ซ้ายขวา

Content
         ส่วนเนื้อหาของเว็บไซต์ เป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุด หากผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายผู้ใช้งานจะ เปลี่ยนไปชมเว็บใหม่ทันที ตำแหน่งที่ควรวางเนื้อหาไว้คือสีแดง หรือตำแหน่งอื่นๆที่คิดว่าจะทำให้ผู้หาเจอได้โดยไม่ลำบาก หากสังเกตดูจะพบว่าเว็บไซต์บางเว็บไซต์มีโฆษณาที่มากจนเกินไป ทำให้ผู้ใช้งานหาเนื้อหาไม่เจอ นั่นถือเป็นการออกแบบที่ผิดพลาด

Footer
         คือส่วนล่างสุดของหน้าเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะเก็บลิงก์ต่างๆเอาไว้ หรือเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับเว็บไซต์เช่นลิขสิทธิ์ต่างๆ ถามว่าจำเป็นต้องมีหรือไม่ บอกได้ว่าจำเป็นอย่างยิ่ง footer จะเป็นตัวบอกผู้ชมว่าส่วนนี้คือล่างสุดของหน้าที่กำลังแสดงอยู่แล้วนะ ไม่มีเนื้อหาเพิ่มเติมแล้ว ทำไม่ต้องบอกเนื่องจากการแสดงเว็บไซต์ในบางครั้งนั้นหน้านั้นอาจโหลดได้ไม่หมด อาจแสดงได้แค่เนื้อหาภายใน หากเราออกแบบให้มี footer ตั้งแต่แรกผู้ใช้งานก็จะรู้ได้ทันทีว่าหน้าที่แสดงผลนี้อาจแสดงได้ไม่สมบูรณ์เพราะยังไม่เห็น footer และยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของเว็บไซต์โดยตรง เราจะสังเกตได้ว่าเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ที่ไม่มี footer จะรู้สึกเหมือนกับว่าเว็บไซต์นั้นยังทำไม่เสร็จ หรือขาดอะไรบางอย่าง

Whitespace
     พื้นที่ว่างในเว็บไซต์ คนส่วนใหญ่มักไม่เห็นความสำคัญของการเว้นพื้นที่ว่างไว้ในเว็บไซต์ เรามักจะใส่ภาพหรือตัวหนังสือเข้าไปให้มากที่สุดเพราะคิดว่าจะทำให้เว็บดูสวยงามขึ้น หรือใช้พื้นที่มีมีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด หากเราออกแบบโดยไม่ได้คำนึงว่าต้องมีพื้นที่ว่างอยู่ในเว็บไซต์ จะทำให้เว็บของเรานั้นดูอึดอัดทันที การเว้นช่องว่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างตัวอักษร หรือช่องว่างระหว่างภาพ เนื้อหาต่างๆ นอกจากจะทำให้เว็บของเราดูสบายตาขึ้นแล้ว ยังทำให้เราสามารถกำหนดจุดที่จะให้ผู้ใช้งานเว็บรู้สึกสนใจในจุดนั้นได้อีกด้วย เช่นหากเราเว้นช่องว่างเอาไว้ตรงกลาง และนำภาพหรือตัวหนังสือเล็กๆไปวางไว้ ตรงจุดนั้นจะเป็นที่สนใจของผู้ใช้ทันที


ที่มาของข้อมูล 
  hellomyweb.  ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่ดี.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก
      http://www.hellomyweb.com/index.php/main/content/134   อ้างวันที่ 1 สิงหาคม 2556.

ข้อคิดในการออกแบบเว็บไซต์ เพื่อการใช้งานที่ง่ายสำหรับผู้ใช้

                                     

      ผู้ใช้เว็บไซต์ หรือผู้เข้าชมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของเว็บไซต์ ถึงแม้ว่าเว็บไซต์จะดีเพียงใดถ้าไม่มีผู้ใช้งานก็ไม่มีประโยชน์ ในบทความนี้จะพูดถึงวิธีในการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด
           การออกแบบเว็บไซต์นั้นมีความแตกต่างกับการออกแบบสิ่งพิมพ์ทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีจุดประสงค์เพื่อใช้ตัวหนังสือ รูปภาพเพื่อสื่อสารกับผู้ใช้เหมือนกันก็ตาม ดังนั้นเราต้องคำนึงถึงส่วนประกอบต่างๆว่าสิ่งใดควรมีในเว็บไซต์ หรือไม่ควรมีในเว็บไซต์ โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึงมีหัวข้อหลักๆดังนี้
         - จำไว้เสมอว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์นั้นใจร้อนไม่มีความอดทนในการอ่านอะไรมากมาย ไม่สามารถอ่านทุกข้อความที่เราเขียนในเว็บไซต์ ทุกคนจะทำเพียงแค่อ่านผ่านๆไปเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการเท่านั้น
         - การมีรูปแบบที่แน่นอนของเว็บไซต์มีความสำคัญมาก ในหน้าทุกหน้าของเว็บไซต์ควรมีความคล้ายกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานยังรู้ว่าอยู่ในเว็บไซต์เดิม และส่วนของเมนูก็ควรว่างไว้ในตำแหน่งที่เหมือนเดิม หรือไม่ต่างจากหน้าอื่นๆมากนักเพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความคุ้นเคยการใช้งานเว็บไซต์
          - เว็บไซต์ควรดูเป็นมิตร เช่นไม่ควรใส่เนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือทั้งหมด อาจมีการแทรกรูปภาพ หรือพื้นที่ว่างๆไว้ในเว็บไซต์บ้าง เพื่อเป็นจุดพักสายตาของผู้ใช้

หลักที่พูดไปทั้ง 3 ข้อนั้นสามารถปฏิบัติเป็นขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
        1. เว็บไซต์ของเราต้องสามารถโหลดหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว และง่ายต่อการอ่านผ่านๆ แต่ละหัวข้อต้องแบ่งให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแบ่งเนื้อหาส่วนต่าๆออกกันได้
      2. ผู้ใช้งานเว็บไซต์แต่ละคนนั้นเข้ามาในเว็บเพื่อต้องการข้อมูลที่แตกต่างกัน เราควรให้ผู้ใช้งานหาข้อมูลที่ต้องการได้โดยง่ายที่สุด นั้นคือการเข้าถึงข้อมูลไม่ควรให้ผู้ใช้คลิกมากเกินไป
      3. การออกแบบงานกราฟิกควรจะสอดคล้องกับเนื้อหาที่นำเสนอ หลายครั้งที่ภาพประกอบในเนื้อหาเบี่ยงเบนความสนใจจากเนื้อหา และทำให้ผู้อ่านเข้าใจเพราะภาพไม่ตรงกับเนื้อหา ผู้ใช้งานอาจข้ามผ่านเนื้อหาส่วนนั้นไป เพราะเห็นว่าภาพที่แสดงอยู่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการ
       4. ชนิดของตัวหนังสือ font และสี ทั้งสีของพื้นหลัง และสีของตัวหนังสือเอง จะต้องทำให้ง่ายต่อการอ่านมากที่สุด วิธีการพิจารณาคือให้พื้นหลังเป็นสีสว่าง ส่วนสีตัวอักษรจะต้องเป็นสีทึบ หรือสีเข้ม
      5. ตัวหนังสือหรือภาพที่มีการขยับ ปิดๆดับ Blink ไม่ควรนำมาใช้งานเพราะจะทำให้ผู้ใช้เกิดความรำคาญ และทำให้ผู้ใช้งานสนใจภาพที่ขยับมากว่าตัวเนื้อหา
     6. ลิงก์ที่ใช้งานไม่ได้ หรือลิงก์ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ไม่ควรนำมาแสดงผล
     7. สร้างความแตกต่างกันในแต่ละส่วนของเว็บไซต์ เช่นส่วนของเนื้อหาและเมนู ควรมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
     8. เนื้อหาสำคัญที่สุด เว็บไซต์นั้นตัวเนื้อหามีความสำคัญมากที่สุด ต่อให้ออกแบบเว็บไซต์ได้สวยงามขนาดไหนก็ตามแต่ถ้าเนื้อหาไม่มี คุณภาพ ก็ใม่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้ แต่ถ้าเว็บไซต์ถูกจัดให้เป็นระบบและมีเนื้อหาที่มีคุณภาพย่อมทำให้เว็บไซต์นั้นมีคุณค่ามากกว่า
     9. อย่าให้ความสนใจกับกราฟิกในเว็บไซต์มากเกินไป ควรให้ความสำคัญกับการจัดว่างตำแหน่งของส่วนต่างๆในเว็บไซต์มากกว่า
    10. อย่าให้ title <title> ของแต่ละหน้ามีความเหมือนกัน รวมทั้งหัวข้อหลัก <h1> ของแต่ละหน้าอย่าให้ซ้ำกัน เพราะส่วนนี้จะเป็นส่วนที่สะดุดตากับผู้ใช้งานมากที่สุด ถ้าหากเปิดหน้าใหม่มาแล้วมีหัวข้อแสดงเหมือนกัน ผู้ใช้งานอาจเข้าใจว่าเป็นหน้าเดิม หรือมีเนื้อหาซ้ำกัน ทำให้ไม่สนใจอ่านต่อไปได้
    11. ความถูกต้องของภาษาที่ใช้ หากเป็นเว็บไซต์ที่เป็นทางการเช่นเว็บไซต์บริษัท การใช้เขียนผิด สะกดผิดทำให้หมดความน่าเชื่อถือได้
   12. เนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกันควรมีการแสดงผลเป็นลิงก์อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่าย
   13. ควรให้ความสำคัญกับหน้าแรก ข้อมูลที่เราคิดว่าสำคัญควรมีไว้ในหน้าแรก หากผู้ใช้งานเว็บไซต์เปิดเข้ามาดูและพบว่าไม่เกี่ยวข้อกับเรื่องที่ตนต้องการ ผู้ใช้งานจะปิดหน้าเว็บไซต์ของเราทันที

    จำไว้เสมอว่าการออกแบบเว็บไซต์ควรให้มีจุดสนใจในแต่ละหน้า เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลในหน้านั้นๆได้ง่ายที่สุด ส่วนประกอบเว็บไซต์จะต้องชัดเจน ในส่วนของเมนู navigation ความมีความชัดเจน การทำเว็บไซต์นั้นเราควรทำให้เกิดความน่าเชื่อถือการใส่ภาพที่มากเกินไป ,pop up , ไฟล์ flash นอกจากจะทำให้เว็บของเราโหลดช้าแล้วยังส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถืออีกด้วย


ที่มาของข้อมูล  
    การออกแบบเว็บไซต์. ข้อคิดในการออกแบบเว็บไซต์ เพื่อการใช้งานที่ง่ายสำหรับผู้ใช้. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.hellomyweb.com/index.php/main/content/158 .
อ้างเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556.