วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

รู้จักกับ web 3.0

                       
             ในตอนนี้นักท่องอินเทอร์เน็ตทั้งหลายหรือแม้แต่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วไปคงจะเคยได้ยินคำว่าweb 3.0 หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร วันนี้ก็เลยเอาบทความเกี่ยวกับ web 3.0 มาฝากกัน ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน(หรือในยุคแรกๆ) เมื่อเราเข้าใช้อินเตอร์เน็ตเรามักจะเจอเว็บที่มีลักษณะเหมือนหนังสือ คือเราสามารถอ่านเนื้อหาของเว็บได้อย่างเดียว จะไม่มีส่วนร่วมในการแต่งเติมเนื้อหา เช่น เว็บไซต์นำเสนอเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเขาก็จะเอารูปถ่ายของสถานที่นั้นๆ มาลงไว้ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเลือกเอาภาพที่สวยที่สุดมาลงไว้ แต่พอเราไปเที่ยวจริงๆ แล้วมันต่างจากภาพที่เขาเอามาลงไว้มาก เราก็อยากที่จะเอาประสบการณ์ที่เราไปพบมาจริงๆบอกต่อให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในยุคของ web1.0 ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเว็บขึ้นมาในรูปแบบที่ทำให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการแต่งเติมเนื้อหามากขึ้น สามารถแบ่งปันความรู้ได้อย่างแท้จริง ก็เลยกลายมาเป็น web 2.0 โดยการสร้างเสริมข้อมูลสารสนเทศ ให้มีคุณค่าและมีข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ดังตัวอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Wikipediaทำให้ความรู้ถูกต่อยอดไปอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลทุกอย่างได้มาจากการเติมแต่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกิดจากการคานอำนาจของข้อมูลของแต่ละบุคคลทำให้ข้อมูลนั้นถูกต้องมากที่สุด และจะถูกมากขึ้นเมื่อเรื่องนั้นถูก
ขัดเกลามาตามระยะเวลายาวนาน
                        
               และวันนี้ web3.0 กำลังจะมา เป็นการนำแนวคิดของ Web 2.0 มาทำให้ Web นั้นสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมาก ๆ โดยอย่างที่เรารู้กันดีว่าผู้ใช้ทั่วไปนั้นเป็นผู้สร้างเนื้อหา ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เช่นการเขียน Blog, การแชร์รูปภาพและไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ ทำให้ข้อมูลมีจำนวนมหาศาล ทำให้จำเป็นต้องมีความสามารถในการจัดการกับข้อมูลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเอาข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นมาจัดการให้อยู่ในรูปแบบ Metadata ที่หมายถึงข้อมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล (Data about data) ทำให้เว็บกลายเป็น Sematic Web กล่าวคือเว็บที่ใช้ Metadata มาอธิบายสิ่งต่าง ๆ บนเว็บ ซึ่งในตอนนี้เราจะเห็นกันทั่วไปนั่นคือTag นั้นเอง โดยที่ Tag ก็คือคำสั้น ๆ หลาย ๆ คำ ที่เป็นหัวใจของเนื้อหา เพื่อทำให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้Tag ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แต่แทนที่ผู้ผลิตเนื้อหาจะใส่เอง แต่ตัว Web จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น แล้วให้Tags ตามความเหมาะสมให้เราแทนโดยเมื่อได้ Tag มาแล้ว ข้อมูลแต่ละ Tag จะมีความสัมพันธ์กับอีก Tag นึงโดยปริยาย เช่นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท Apple ก็จะมี Tag ที่เกี่ยวกับComputer, iPod, iMac … และ Tag ที่มีเนื้อหา Computer ก็มี Tag ที่เชื่อมโยงกับ Tag ที่มีเนื้อหาด้าน Electronic โดยจะเชื่อมโยงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ข้อมูลมีการเชื่อมโยงกันเหมือนฐานข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันในเชิงข้อมูล ทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นฐานข้อมูลความรู้ขนาดใหญ่ ที่ข้อมูลทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น



 ที่มาของข้อมูล
      อัมพิกา ใจก่อง. รู้จักกับ web 3.0. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
               : http://www.kmlanna.com/index.php?name=knowledge           
               &file=readknowledge&id=95. อ้างเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น